คำถามที่พบบ่อย ประกันชีวิต

ประกันชีวิต
ประกันชีวิตคืออะไร?
ประกันชีวิต คือ สัญญาระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกัน โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นประจำ และบริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง (เรียกว่า "ทุนประกัน") ให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรืออาจจ่ายเงินคืนเมื่อผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่ครบตามกำหนดสัญญา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกัน
ทำไมเราถึงต้องทำประกันชีวิต?
การทำประกันชีวิตมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ
  • สร้างหลักประกันให้ครอบครัว: หากเราจากไปก่อนวัยอันควร เงินจากประกันชีวิตจะช่วยให้ครอบครัวหรือคนที่เรารักสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ลำบากทางการเงิน สามารถนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเล่าเรียนบุตร หรือชำระหนี้สินได้
  • เป็นมรดก: เป็นวิธีที่ง่ายและแน่นอนในการส่งมอบเงินก้อนให้กับคนที่คุณรัก
  • ลดหย่อนภาษี: เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
  • เพื่อการออมและเกษียณอายุ: ประกันชีวิตบางประเภทมีการสะสมมูลค่า สามารถใช้เป็นเงินออมในระยะยาวหรือเป็นเงินทุนสำหรับใช้ชีวิตหลังเกษียณได้
ประกันชีวิตมีกี่ประเภทหลักๆ?
ประกันชีวิตโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้
  1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Life Insurance): ให้ความคุ้มครองชีวิตในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 10 ปี, 15 ปี, หรือ 20 ปี เบี้ยประกันมักจะต่ำที่สุด แต่จะไม่มีมูลค่าเงินสดสะสม หากผู้เอาประกันไม่เสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด สัญญาจะสิ้นสุดลงและไม่ได้รับเงินคืน
  2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance): ให้ความคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้เอาประกัน ตราบใดที่ยังมีการชำระเบี้ยประกันอยู่ มีการสะสมมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ และเบี้ยประกันมักจะคงที่ตลอดสัญญา
  3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance): เป็นการผสมผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตและการออมเงิน บริษัทจะจ่ายเงินให้เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือเมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินเพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น ค่าการศึกษาบุตร หรือเพื่อการเกษียณ
  4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity Insurance): เน้นการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณ โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยในช่วงเวลาทำงาน และเมื่อถึงวัยเกษียณ (เช่น อายุ 60 ปี) บริษัทจะเริ่มจ่ายเงินคืนเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอไปจนตลอดชีวิตหรือตามระยะเวลาที่กำหนด
ผู้รับประโยชน์คือใคร?
ผู้รับประโยชน์ คือ บุคคลหรือหน่วยงานที่ผู้เอาประกันระบุไว้ในกรมธรรม์ให้เป็นผู้รับเงินทุนประกันเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต สามารถระบุใครก็ได้ เช่น พ่อแม่ คู่สมรส บุตร หรือมูลนิธิ และสามารถเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์ได้ในภายหลัง
ควรเลือกทุนประกันเท่าไหร่ดี?
จำนวนทุนประกันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับภาระทางการเงินและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยมีหลักการพิจารณาง่ายๆ คือ
  • คำนวณจากรายได้ : ควรมีทุนประกันอย่างน้อย 5-10 เท่าของรายได้ต่อปี เพื่อให้ครอบครัวมีเวลาปรับตัว
  • คำนวณจากภาระหนี้สิน : ควรครอบคลุมหนี้สินทั้งหมดที่มี เช่น หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ เพื่อไม่ให้ภาระตกไปอยู่กับคนข้างหลัง
  • คำนวณจากค่าใช้จ่ายในอนาคต : เช่น ค่าเล่าเรียนบุตรจนจบการศึกษา หรือค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
เบี้ยประกันคำนวณจากอะไร?
เบี้ยประกันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยปัจจัยหลักที่ใช้ในการคำนวณ ได้แก่
  • อายุ: อายุน้อยกว่า เบี้ยประกันจะถูกกว่า
  • เพศ: โดยทั่วไปเพศหญิงจะมีเบี้ยประกันถูกกว่าเพศชาย เนื่องจากมีสถิติอายุขัยที่ยาวกว่า
  • สุขภาพ: ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีประวัติการเจ็บป่วยรุนแรง จะจ่ายเบี้ยประกันในอัตรามาตรฐาน หากมีปัญหาสุขภาพอาจต้องจ่ายเบี้ยสูงขึ้นหรือไม่สามารถทำประกันได้
  • อาชีพ: อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงอาจส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้น
  • จำนวนทุนประกันและระยะเวลาคุ้มครอง: ทุนประกันสูงหรือระยะเวลาคุ้มครองนาน เบี้ยประกันก็จะสูงตามไปด้วย
หากจ่ายเบี้ยประกันไม่ไหวจะเกิดอะไรขึ้น?

หากไม่สามารถชำระเบี้ยประกันได้ โดยทั่วไปจะมีทางเลือกดังนี้

  • ระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period): บริษัทประกันส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาผ่อนผันให้ประมาณ 30-31 วัน นับจากวันครบกำหนดชำระ ซึ่งกรมธรรม์ยังคงมีผลคุ้มครองอยู่
  • การกู้เงินจากมูลค่ากรมธรรม์: หากกรมธรรม์มีมูลค่าเงินสดสะสมอยู่ สามารถกู้เงินส่วนนั้นออกมาเพื่อชำระเบี้ยประกันได้
  • การใช้มูลค่าเงินสดชำระเบี้ยอัตโนมัติ (APL): เป็นการกู้ยืมจากมูลค่ากรมธรรม์โดยอัตโนมัติเพื่อนำมาชำระเบี้ย
  • การเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือ การขยายระยะเวลา: เป็นการหยุดชำระเบี้ย แต่ยังได้รับความคุ้มครองต่อไปตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป
หากพ้นระยะเวลาผ่อนผันและไม่ได้ใช้ทางเลือกอื่น กรมธรรม์อาจสิ้นสุดผลบังคับ (Lapse)
สามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้หรือไม่?
ทำได้ โดยเรียกว่า "การเวนคืนกรมธรรม์" หากกรมธรรม์มีมูลค่าเงินสดสะสมอยู่ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินจำนวนหนึ่งคืน เรียกว่า "มูลค่าเวนคืน" ซึ่งมักจะน้อยกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆ ของสัญญา
เงินสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตต้องเสียภาษีหรือไม่?
เงินสินไหมทดแทนที่ผู้รับประโยชน์ได้รับจากการเสียชีวิตของผู้เอาประกัน ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สัญญาเพิ่มเติม (Rider) คืออะไร?

สัญญาเพิ่มเติม หรือที่เรียกกันว่า "ไรเดอร์" คือ ความคุ้มครองเสริมที่สามารถซื้อเพิ่มแนบท้ายไปกับกรมธรรม์ประกันชีวิตหลักได้ เพื่อให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น

  • สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ (Health Rider): คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่ายา
  • สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง (Critical Illness Rider): จ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงตามที่ระบุ
  • สัญญาเพิ่มเติมอุบัติเหตุ (Accident Rider): ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ
  • สัญญาเพิ่มเติมชดเชยรายได้ (Income Protection Rider): จ่ายเงินชดเชยรายได้กรณีนอนโรงพยาบาล
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy